วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ดอกกุหลาบ







ตำนานของ "ดอกกุหลาบ"
"กุหลาบ" เป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่า กุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้ เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย
ความจริงแล้ว กำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย
แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย
ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า >>> กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรด์จีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก ถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วยสำหรับชาวโรมันแล้ว เรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญเป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วยกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติกซึ่งมีบางตำนานเล่าว่าดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรักวีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "อโฟรไดท์" ในตำนานเทพของกรีก ได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ "อคอนิส" คนรักของเธอ ที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้ม หรือดอกกุหลาบนั่นเองแต่บางตำนานก็เล่าว่า ดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลมบางตำนานกล่าวว่า กุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือ คลอริส บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ ในตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์ เป็นเทพผู้ประทานความงามให้ มีเทพอีกสามองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์ และมี เซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดฟ้าให้กับแสงของเทพ อพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมาเพื่อประทานพร อมตะ จากนั้น ไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่นี้ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า Rosa จากนั้น เทพธิดาคลอริส ก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผาชาติทั้งมวล จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบให้กับเทพ อีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรักกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ ของความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่งกุหลาบกลายเป็นของขวัญ ของกำนัลสำหรับการแสดงความรัก และมักจะมีผู้เปรียบเทียบความงามของผู้หญิงเป็นเสมือนดอกกุหลาบ และผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ได้รับสมญาว่าเป็นผู้หญิงงามเสมือนดอกกุหลาบคือ พระนางคลีโอพัตรา ซึ่งพระนางยังได้เคยต้อนรับ มาร์ค แอนโทนี คนรักของพระนาง ในห้องซึ่งโรยด้วยดอกกุหลาบหนาถึง 18 นิ้ว หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบข้อมูลจาก :
http://variety.teenee.com/world/1832.html

ดอกไม้







ไม้ดอกหอม



มะลิเป็นไม้ดอกเศรษฐกิจที่นับวันมีความสำคัญมากขึ้นประโยชน์ที่ด้รับจากมะลิ เช่น เก็บดอกสำหรับทำพวงมาลัย ดอกไม้แห้ง อุตสาหกรรมน้ำมันหอมระเหย แล้วยังมีประโยชน์รวมถึงใช้เป็นพืชสมุนไพรรักษาโรคได้ เช่น มะลิซ้อนดอกสดใช้รักษาโรคตาเจ็บ แก้ตัวร้อน แก้หวัด เป็นต้น พื้นที่การปลูกมะลิของประเทศไทยในปี 2534 จำนวน 3,800 ไร่ แหล่งปลูกอยู่ในเขตจังหวัด นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน หนองคาย สมุทรสาคร และนครปฐม เขตจังหวัดที่ปลูกมากที่สุด คือ นครปฐม ซึ่งปลูกถึง 1,964 ไร่ การส่งออกในปี 2534 จะส่งออกในรูปของดอกมะลิมูลค่า 23,990 บาท ส่งออกในรูปของต้นมะลิ มูลค่า 9,855 บาท และในรูปพวงมาลัย มูลค่าถึง 3,293,225 บาท ตลาดของมะลิในต่างประเทศที่สำคัญคือ เนเธอแลนด์ อเมริกา และเบลเยี่ยม ส่วนตลาดพวงมาลัยของไทยคือ อเมริกา และญี่ปุ่น

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ดอกไม้นานาพันธุ์







อุทยานดอกไม้.. ชม ผกา จำปา จำปีกุหลาบ ราตรี พะยอม อังกาบ ทั้ง กรรณิการ์ลำดวน นมแมว ซ่อนกลิ่น ยี่โถ ชงโค มณฑาสายหยุด เฟื่องฟ้า ชบา และ สร้อยทอง ...บานบุรี ยี่สุ่น ขจร ประดู่ พุดซ้อน พลับพลึง หงอนไก่ พิกุล ควรปองงาม ทานตะวัน รักเร่ กาหลง ประยงค์ พวงทองบานชื่น สุขสอง พุทธชาด สะอาดแซม(ซ้ำ)...พิศ พวงชมพู กระดังงา เลื้อยเคียงคู่ ดูสดสวยแฉล้มรสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม สารภี ที่ถูกใจ...งาม อุบล ปน จันทร์กะพ้อผีเสื้อ แตกกอ พร้อม เล็บมือนาง พุดตาน กล้วยไม้ดาวเรือง อัญชัน ยี่หุบ มะลิวัลย์ แลวิไลชูช่อไสว เร้าใจในอุทยาน